วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2556

I'm not feeling well. (Health problems) 


1. My teacher have a stomachache
ครูของฉันปวดท้อง



2. My brother have a toothache
น้องชายฉันปวดฟัน

3.  My farther have a headache
พ่อของฉันปวดหัว


4. My friend  have a sore throat
เพื่อนของฉันเจ็บคอ


5. My friend have a fever
เพื่อนของฉันเป็นไข้สูง


6. I have a cough
ฉันไอ


7. I feel the flu
ฉันรู้สึกเป็นไข้หวัดใหญ่


8. My boy friend have a Cold
เพื่อนชายของฉันหนาว


9. I plat football and I feel have a backache
ฉันเล่นฟุตบอกและฉันรู้สึกปวดหลัง


10. My brother have an earache
พี่ชายของฉันปวดหู

วันศุกร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2556


1. Noun (คำนาม) ใช้เรียก ชื่อคน สัตว์ สิ่งของ สถานที่ 

2. Pronoun (คำสรรพนาม) ใช้เรียกแทนคำนาม  เช่น He, She, It

3. Adjective (คำคุณศัพท์,คุณนาม,คุณลักษณะ) คำขยายนาม ใช้ขยาย Noun กับ Pronoun เพื่อบรรยายให้เห็นลักษณะของ Noun กับ Pronoun ชัดเจนยิ่งขึ้น โดยการบอกลักษณะ บอกปริมาณ และบอกจำนวน เป็นต้น เช่น
              สูง,ต่ำ,ยาว,สั้น                                  บอกลักษณะร่างกาย
              โง่,ฉลาด                                            บอกลักษณะด้านจิตใจ
              ดำ,ขาว,เขียว,เหลือง,แสด,แดง       เป็นการบอกสี

                          การใช้ Adjective
- อยู่หน้า noun เช่น good man.
- อยู่หลัง Verb to be เช่น He is good.


4. Verb (คำกริยา) ใช้พร้อมกับ  Tenses (เวลา) ใช้แสดงกริยาอาการต่างๆ  บ่งบอกให้รู้ว่าประธานทำอะไร   (Verb มี 3 ช่อง แต่ละ่ช่องจะบอกเวลาเป็น อดีต ปัจจุบัน และ อนาคต)

5. Adverb (คำวิเศษณ์ หรือ คำขยายกริยา) คำขยายกริยา เพื่อเพิ่มความหมายให้กับคำกริยาที่ถูกขยาย บอกให้รู้ว่าประธานทำอย่างไร เมื่อไร ที่ไหน  (ส่วนมาก Adverb จะลงท้ายด้วย ..ly)

6. Preposition (คำบุพบท) ใช้เชื่อมระหว่างคำ เพื่อบอกเวลา สถานที่ และทิศทาง ทำให้ประโยคสมบูรณ์ เช่น in, on, at  ตัวอย่าง She stay in her house.

7. Conjunction (คำสันธาน) ใช้เชื่อมประโยค มีทั้งแบบคล้อยตาม ขัดแย้ง และเป็นเหตุเป็นผล เช่น and, or, but  ตัวอย่าง She and I are teacher.

8. Interjection (คำอุทาน) ใช้แสดงความรู้สึกหรืออารมณ์ต่างๆ เช่น Well Oh WoW